ธนชาต ตั้งเป้าสินเชื่อรวมปีนี้โต 3% จากปี 58

ธนชาต ตั้งเป้าสินเชื่อรวมปีนี้โต 3% จากปี 58
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต (TBANK) ได้เปิดเผยว่า ปีนี้ธนาคารธนชาตตั้งเป้าสินเชื่อรวมเติบโต 3 % เมื่อเทียบกับปี 58 ที่หดตัว 5 – 6 % โดยขณะนี้มียอดสินเชื่อคงค้างของธนาคารอยู่ที่ 7.13 แสนล้านบาท ซึ่งเหตุผลของการชะลอตัวของสินเชื่อในปีที่แล้วนั้น เป็นไปตามภาวะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ประกอบกับที่ทางธนาคารอยู่ระหว่างสร้างระบบใหม่ในการคัดกรองลูกค้าสินเชื่อ คาดว่าภายในกลางปีนี้จะสามารถใช้ระบบใหม่ได้
ในปีนี้นั้นทางธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรถยนต์ขยายตัว 8 % จากปี 58 ที่หดตัวลงไป 5 – 6% จากยอดสินเชื่อคงค้างที่เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 58 แบ่งเป็นสินเชื่อรถใหม่ 70 % และสินเชื่อรถเก่า 30 % โดยสินเชื่อในกลุ่มนี้ธนาคารมีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 2.3% ซึ่งหากมีการใช้ระบบคัดกรองใหม่ธนาคารธนชาตคาดว่า จะสามารถลด NPL ลงได้
ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารนั้น ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 12 – 13 % จากสินเชื่อคงค้างสิ้นปี 58 อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท และสินเชื่อรายใหญ่ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 3 – 4 % จากสินเชื่อคงค้างสิ้นปี 58 อยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท สำหรับสินเชื่อรายย่อยปีนี้นั้น คาดว่าจะเติบโต 5 – 6 % โดยแบ่งเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัยเติบโต 8 % บัตรเครดิตโต 5 % และสินเชื่อส่วนบุคคลโต 5 %
ส่วนการรักษาสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารธนชาตในปี 59 จะพยายามควบคุมไม่ให้เกิน 3 % โดยจากตัวเลขสิ้นปี 58 อยู่ที่ 2.8-2.9 %
นายสมเจตน์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “เรามั่นใจว่าผลการดำเนินงานของธนคารในปีนี้จะดีกว่าปี 58 ที่ทำได้ 1.07 หมื่นล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้ที่ลดลง ซึ่งปัจจุบันธนาคารมี Coverage Ratio อยู่ที่ 119.42 % ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 57 ที่อยู่ที่ 85.52 % และเงินกองทุนของธนาคารก็ยังถือว่ามีความแข็งแกร่ง และเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 17.92 % ในปัจจุบัน ที่จากสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 15.83% ทำให้เราสามารถรองรับการเติบโตของธนาคารต่อไปในอนาคตได้อย่างมั่นคง โดยไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด”
สำหรับเรื่องเกณฑ์ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เริ่มกำหนดใช้หลักเกณฑ์การดำรงสภาพคล่องใหม่ที่เรียกว่า Liquidity Coverage Ratio (LCR) ซึ่งธนาคารพาณิชย์ต้องเริ่มดำรงเกณฑ์สินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำที่ระดับ 60 % ในปี 59 จากนั้นจึงทยอยเพิ่มขึ้นปีละ 10% จนครบ 100% ตามเกณฑ์บังคับในปี 63 ซึ่งธนาคารธนชาตเองสามารถดำรงเกณฑ์ LCR ได้ผ่านเกณฑ์ขั้นสูงมาอยู่ที่ระดับเกิน 100% ในปีแรกเลย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารสภาพคล่องทางการเงินของธนาคารที่อยู่ในระดับสูง
Leave a comment
You must be logged in to post a comment.