Tweet

การออมเงินจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

การเก็บเงินให้มากขึ้นจัดการหนี้ให้น้อยลง

 

การเก็บเงินให้มากขึ้น	การจัดการหนี้ให้น้อยลง
จุดเริ่มต้นทำให้เป็นนิสัย วางเป้าหมาย สร้างแรงจูงใจ เก็บไว้ยามฉุกเฉิน อย่าเพลินกับดอกเบี้ยต่ำๆ	ประเมินสถานการณ์ ต่อสู้กับมารในหัวใจ สร้างตารางค่าใช้จ่าย ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หาที่ปรึกษา อย่าสู้อยู่คนเดียว

หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาที่คุณมองว่ายากที่หนี้เหล่านี้จะหมดไป คุณต้องหันหน้าเข้าหาคนที่จะปรึกษาทันที

หากคุณต้องตกงาน หรือมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น อย่าวิ่งหนีหนี้ เดี๋ยวนี้ทางบรรดาธนาคารต่างๆ ได้จัดตั้งองค์กรกลางในการบันทึกรายการของผู้ที่มีประวัติทางการเงินไม่ เมื่อก่อนคุณอาจจะไม่จ่ายหนี้เจ้าหนึ่ง แล้วหันไปกู้ใหม่กับอีกเจ้าหนึ่งได้ แต่ในอนาคตคุณทำอย่างนั้นไม่ได้แล้ว เพราะผู้ให้กู้รายใหม่จะตรวจสอบประวัติการชำระเงินของคุณได้ง่ายขึ้น คุณวิ่งหนีหนี้เล็กๆ น้อยๆ อาจจะมีผลทำให้อนาคตไม่มีใครให้เงินคุณกู้ซื้อรถ หรือซื้อบ้านก็ได้

หนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ที่น่าเป็นห่วงที่สุดเพราะดอกเบี้ยหรือค่าปรับต่างๆนั้น จะถูกนำไปรวมกับเงินต้นแล้วคิดดอกเบี้ยต่อไปอีกที หนี้ของคุณก็จะงอกเงยขึ้น ยิ่งทิ้งไว้นานวันหนี้ก็จะท่วมเงินต้นหลายเท่า อย่าลืมว่าอัตราดอกเบี้ยไม่มีแบ้งค์ใหนต่ำกว่า 20 % แล้วยิ่งมีการคิดดอกเบี้ยทบต้นอัตราที่แท้จริงย่อมสูงกว่านั้นแน่ๆ หนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อัตราเสี่ยงจึงสูงสำหรับธนาคาร เขาเลยคิดดอกเบี้ยมหาโหดเพื่อไปหักลบกับรายการขาดทุนจากพวกที่หนีหนี้ พยายามจ่ายให้ครบทุกงานหรือแปลงเป็นเดบิตการ์ดนั้นดีที่สุด

แต่หากพยายามแล้วทำไม่ได้ ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายให้ธนาคาร การเข้าไปคุยกับผู้ออกบัตรนั้นดีที่สุด เจ้าของเงินมักจะยินดีที่จะคุยกับคุณและรู้ว่ามีโอกาสได้เงินบ้าง ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เจรจาต่อรองขอลดค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย ค่าปรับต่างๆ คุณต้องทำการบ้านแยกให้ชัดว่า เงินต้นคือเท่าไหร่ ดอกเบี้ยเป็นเท่าไหร่ ดอกเบี้ยของดอกเบี้ยที่ถูกทบเข้าไปเป็นเท่าไหร่ ค่าปรับ ค่าธรรมเนียมต่างๆเป็นอย่างไร เจรจาช่วงแรกๆ อาจจะยังต่อรองไม่ได้ ก็พยายามไปเรื่อยๆ อาจจะขอพบกับผู้ที่มีอำนาจการตัดสินใจสูงกว่าคนที่คุณคุยอยู่ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณตั้งใจจัดการกับหนี้สินตรงนี้จริงๆ