คลิ้กเลย!! เทพแห่งเงินด่วน โทร 0928840418 <- จิ้มที่ตัวเลขแล้วกดโทรเลย

News Ticker

กลลวงมิจฉาชีพ คนขายที่ดินควรระวัง

กลลวงมิจฉาชีพ คนขายที่ดินควรระวัง

เราอาจจะได้ยินข่าวอยู่บ่อยๆ ถึงการต้มตุ๋นหลอกลวงของมิจฉาชีพที่เกิดขึ้นกับคนที่กำลังประกาศขายที่ดิน โดยมักจะเกิดกับผู้สูงอายุและโดนแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก มีทั้งกรณีตามจับตัวได้และไม่ได้ เรามาดูกันนะครับว่า กลลวงของแก๊งต้มตุ๋นจะมาในลักษณะไหน ทำไมถึงหลงกลไปได้ ทั้งๆที่ประกาศขายที่ดิน อันสื่อถึงว่าต้องการเปลี่ยนทรัพย์เป็นเงิน ไม่ได้แสดงว่ามีเงินเหลือเฟือแต่อย่างใด

การประกาศขายที่ดินนั้น จะต้องมีการแจ้งเบอร์โทรศัพท์ ทำให้เป็นโอกาสของมิจฉาชีพในการเข้าถึงบุคคลเป้าหมาย ซึ่งสามารถประเมินได้จากแปลงที่ดินที่ประกาศขาย และอายุของผู้ลงประกาศผ่านเสียงโทรศัพท์ และนำมาสู่การทำความรู้จักพูดคุย

เนื่องจากคนขายก็ต้องหาคนซื้อเปลี่ยนทรัพย์สินมาเป็นเงินทอง ทำให้มองว่าผู้ซื้อต้องนำเงินมาให้เรา การที่มีผู้สนใจติดต่อเข้ามาจึงทำให้ผู้ต้องการขายต้องมีการต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ซึ่งมันเป็นจุดเริ่มต้นของการทำความรู้จัก ต่อรองราคา ไปมาหาสู่อยู่ระยะหนึ่ง

มิจฉาชีพบางรายอาจถึงขั้นทำทีเป็นตกลง ขอเอกสารต่างๆ จากผู้ขาย จนทำให้สามารถทราบข้อมูลต่างๆของผู้ขายได้มากมาย และบางครั้งก็นำไปสู่การพูดคุยเรื่องอื่นๆ และสุดท้ายจบลงด้วยกลวิธีที่แยบยลจนคาดไม่ถึง

อย่างรายนี้เป็นพ่อเฒ่าวัย 70 ปี โดนลวงเนื่องจากพ่อเฒ่าประกาศขายที่ดิน แล้วมีคนมาติดต่อทำทีว่าสนใจจะซื้อ แล้วสุดท้ายบอกว่าจะซื้อแปลงข้างๆด้วย โดยจะให้ค่านายหน้ากับพ่อเฒ่า แต่ติดปัญหาว่าที่แปลงข้างๆยังติดจำนองอยู่กับพ่อค้ารายหนึ่ง แต่ผู้ซื้อยังขาดเงินอยู่ ขอยืมเงินพ่อเฒ่าบางส่วนไปไถ่ถอนก่อน แล้วจะจ่ายคืนพร้อมค่านายหน้า

จะเห็นได้ว่า ประเด็นคือการนำเอาเรื่องผลประโยชน์มาล่อ เพื่อให้เหยื่อถอนเงินสดออกมา หลังจากประเมินแล้วว่าเหยื่อเป็นคนมีเงินทอง ผลประโยชน์ที่นำมาล่อนั้นจะเป็นตัวบดบังข้อเท็จจริงว่า ถ้าคนซื้อต้องการซื้อจริง ทำไมไม่ไปไถ่ถอนเอง เงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เงินที่จะซื้อมากกว่านั้นเยอะ ทางแก๊งต้มตุ๋นก็จะทำเป็นใจดีว่าอยากให้เหยื่อมีรายได้จากการเป็นนายหน้า เลยต้องการให้ร่วมลงทุนด้วยนั่นเอง

โชคดีที่พ่อเฒ่ารายนี้เป็น กก.ตร.สภ.ละแม เลยมีการแจ้งตำรวจตามรวบตัวหนึ่งในแก้งต้มต๋นได้ทันควัน ตามรายละเอียดข่าวด้านล่างนี่แหละครับ

ข่าวจาก http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9590000041336

รวบแก๊งต้มตุ๋นหลอกเงินพ่อเฒ่าวัย 70 ปี ลวงแบ่งกำไรจากซื้อขายที่ดินให้

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 22 เม.ย.59 พ.ต.ต.ภักดี ตันอนุกูล สารวัตรสอบสวน สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งความจาก นายเริ่ม ใจจง อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 199 หมู่ที่ 13 ตำบลละแม อ.ละแมจ.ชุมพร ว่า มีแก๊งต้มตุ๋นมาหลอกลวงเป็นผู้ชาย 1 คน และผู้หญิง 1 คน ให้นำเงิน จำนวน 1 ล้านบาท มาไถ่ถอนที่ดินแล้วขับรถเก๋งเชิดเงินหนีไป

นายเริ่ม ให้การว่า ตนมีอาชีพทำสวนปาล์ม และเป็น กก.ตร.สภ.ละแม อ.ละแม โดยเมื่อ 4 วันก่อน มีผู้หญิงวัยกลางคนตามบัตรประชาชนชื่อ นางณสมนต์ แมงทับ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/14 หมู่ 15 ตำบลบางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ทำทีมาถามซื้อที่ดินของตนโดยมากัน 2 คน ส่วนผู้ชายอยู่ในรถเก๋งคันที่ใช้ก่อเหตุ โดยบอกว่า จะขอซื้อที่ดินให้แก่หลานสาวซึ่งมีสามีเป็นฝรั่งอยู่ที่กรุงเทพฯ และตกลงซื้อขายในราคา 6 ล้านบาท และจะนัดโอนในวันจันทร์หน้า ต่อมา เช้าวันนี้ นางณสมนต์ ได้ขับรถเก๋งโตโยต้าอัลติส สีน้ำเงิน ทะเบียน กธ 4753 นนทบุรี มาหาตนที่บ้านโดยมีชายวัยกลางชื่อเล่น “พงษ์” เป็นคนขับ และบอกว่า จะให้ช่วยติดต่อซื้อขายที่ดินของนายสมาน ที่อยู่ใกล้เคียงกัน จำนวน 22 ไร่ ในราคาไร่ละ 700,000 บาท โดยจะได้กำไรจากการเป็นนายหน้า จำนวน 5 ล้านบาท และเสนอค่านายหน้าจำนวนเงิน 1 ล้านบาทให้ตน โดยแก๊งดังกล่าวอ้างว่า ติดปัญหาอยู่ที่โฉนดที่ดินของนายสมาน ติดจำนองอยู่กับพ่อค้ารับซื้อยางพาราที่อำเภอหลังสวน จำนวน 1,800,000 บาท แต่นางณสมนต์ มีเงินแค่ 800,000 บาท จึงได้พยามเกลี้ยกล่อมให้ตนช่วยออกเงินที่เหลือ 1 ล้านบาทก่อน เมื่อขายได้จะคืนให้พร้อมเงินค่านายหน้า

ตนจึงตอบตกลง และนั่งรถเก๋งไปเบิกเงินที่ธนาคารออมสิน สาขาละแม จำนวน 1 ล้านบาท กับนางณสมนต์ โดยตนเป็นผู้ถือเงินสดนั่งมาในรถเก๋ง และตนมาสงสัยในพฤติกรรมช่วงระหว่างทางทั้งคู่พยายามหลอกให้ตนลงจากรถถึง 2 หน ครั้งแรกจอดรถที่โรงพยาบาลหลังสวนบอกว่าจะเข้าไปเยี่ยมญาติที่ป่วย ครั้งที่ 2 ไปจอดรถถ่ายเอกสาร โดยทั้ง 2 ครั้ง ทั้ง 2 คนพยายามคะยั้นคะยอจะให้ตนลงจากรถเก๋ง แต่ตนไม่ยอมลงโดยให้เหตุผลมีเงินอยู่ตั้ง 1 ล้านบาท เลยไม่กล้าลง ต่อมาสักพัก ก็มีผู้หญิงวัยกลางคนนำเงินมายื่นให้แก่นายพงษ์ และนางณสมนต์ บอกว่า เป็นค่ามัดจำ จำนวน 500,000 บาท สักพักทั้งคู่อ้างว่าจะขอไปเบิกเงินที่เพื่อนโอนมาให้อีก 500,000 บาท ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาหลังสวน และได้จอดรถที่บริเวณใกล้ๆ กับธนาคาร ระหว่างที่ตนนั่งรออยู่ในรถนั้นตนจึงได้วางกระเป๋าเงิน และเอกสารไว้ที่ในรถ และลงไปสูบบุหรี่ที่ริมถนน จังหวะนั้นทั้งคู่ได้รีบมาขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ตนรู้ว่าถูกหลอกแน่จึงรีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำตำรวจดังกล่าว

ต่อมา ศูนย์วิทยุได้รับแจ้งจาก ร.ต.ท.ประชา อรชุน และ ร.ต.อ.เจียรศักดิ์ ยินดี รอง สวป.สภ.หลังสวน ว่า พบรถต้องสงสัยจอดอยู่ที่ทางเข้าสวนปาล์ม หมู่ที่ 5 ตำบลวังตะกอ และควบคุมตัวไว้ 1 คน เป็นผู้หญิง ส่วนผู้ชายที่ชื่อ พงษ์ ขณะที่ตำรวจเข้าตรวจสอบกำลังสับเปลี่ยนป้ายทะเบียนปลอมที่เตรียมมา และเมื่อเห็นตำรวจก็วิ่งหนีเข้าไปในสวนปาล์ม ส่วนนางณสมนต์ นั่งอยู่ในรถ และเมื่อเห็นนายเริ่ม ผู้เสียหายไปชี้ตัวยืนยันถึงกับร้องไห้ และยกมือไหว้ไม่ให้เอาเรื่อง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถพบเงินถูกแบ่งใสซองสีน้ำตาล จำนวน 2 ซอง ซองละ 500,000 บาท รวม 1,000,000 บาท และมีเงินปลอมอีก จำนวน 500,000 บาท โดยใช้แบงก์จริงวางปิดไว้ด้านหน้า และด้านหลังส่วนข้างในเป็นแบงก์กาโม่

จากการสอบสวนเบื้องต้น ด้าน นางณสมนต์ ให้การปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ตนมาเป็นเพื่อน นายพงษ์ เท่านั้น และให้การวกวนไปมา แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่ออีกทั้งยังไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตำรวจ จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ส่วนนายพงษ์ ผู้ต้องหาที่หลบหนีตำรวจได้สนธิกำลังไล่ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

Leave a comment