คลิ้กเลย!! เทพแห่งเงินด่วน โทร 0928840418 <- จิ้มที่ตัวเลขแล้วกดโทรเลย

News Ticker

ขอสินเชื่อผ่าน APP อนุมัติเงินด่วนทันใจจริงหรือ

เมื่อเรามาถึงยุคสมัยที่การขอสินเชื่อสามารถกระทำผ่านแอพพลิเคชั่นได้แล้ว จากเดิมการใช้งานแอพทำได้แค่เพียงดูยอดเงินในบัญชี โอนเงินระหว่างบัญชีตนเอง จนต่อมาสามารถโอนเงินให้บุคคลอื่นได้

การพัฒนาให้สามารถขอสินเชื่อเงินกู้ออนไลน์ได้นั้นถือเป็นสุดยอดของระบบแบ้งค์กิ้งในยุคที่ Fintech กำลังเฟื่องฟูเลยก็ว่าได้ นั่นเพราะผู้ประกอบการอย่างสถาบันการเงินสามารถลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเปิดสาขาและพนักงานลงได้มหาศาล จนเราได้พบข่าวคราวเกี่ยวกับการลดจำนวนพนักงานอย่างมหาศาลในแวดวงธนาคารจนเป็นเรื่องชินตาไปแล้ว

ที่ผ่านมาการขอสินเชื่อไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อประเภทใด เช่นสินเชื่อบุคคล บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด แรกเริ่มเดิมทีต้องมีการไปติดต่อที่สาขา ยุคต่อมาก็จะมีพนักงานขายออกมาหาลูกค้าตามห้างสรรพสินค้า และจนมาถึงยุคนี้ที่ทุกคนมีสมาร์ทโฟนใช้งานกันแทบทุกคน

ระบบการสมัครก็คล้ายๆกันในทุกรูปแบบ นั่นคือการไปสาขาก็เพื่อกรอกเอกสาร และส่งเอกสารอื่นๆที่จำเป็นเพื่อให้ฝ่ายสินเชื่อพิจารณาอนุมัติ การมีพนักงานออกมาเปิดสำนักงานรับบริการในห้างฯ ก็ทำในลักษณะเดียวกัน นั่นก็คือกรอกเอกสาร รวบรวมเอกสาร แล้วส่งสำนักงานใหญ่

การใช้งานแอพขอเงินกู้ก็เช่นกัน หลักๆก็แค่กรอกเอกสาร แล้วส่งเอกสารที่จำเป็นด้วยการถ่ายรูปส่งผ่านแอพไปให้กับสถาบันการเงินเพื่อพิจารณา ซึ่งจะว่าไปแล้วถ้าเราเป็นลูกค้าของสถาบันการเงินใด แล้วใช้แอพของสถาบันการเงินนั้นสมัคร ฝั่งสถาบันการเงินก็แทบจะมีข้อมูลทุกอย่างของเราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นยอดเงินฝาก การเดินบัญชี เงินเดือนที่เข้ามาในแต่ละเดือน หรือแม้แต่เอกสารส่วนตัวอื่นๆ จนแทบไม่ต้องส่งอะไรเพิ่มเติมเลยก็ได้

แต่ปัญหาข้อติดขัดก็คงจะเป็นเรื่องของ ยอดเงินกู้ที่เราก็กับที่อื่นทั้งหมด ที่เราอาจจะกรอกไม่ครบถ้วน ทำให้ทางสถาบันการเงินต้องติดต่อ เครดิตบูโร ซึ่งอาจต้องใช้เวลา แต่เหมือนว่าทางเครดิตบูโรมีระบบ NCB e-Consent โดยผู้สมัครต้องให้ความยินยอมเปิดเผยข้อมูลแก่สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิก เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ทันที อันประโยชน์ในการวิเคราะห์สินเชื่อตามคำขอได้อย่างรวดเร็ว

และอีกปัญหาหนึ่งที่น่าจะยังเป็นขวากหนามสำคัญก็คือ เงื่อนไขของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จำกัดลูกค้ามีสินเชื่อบุคคลกับสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ไม่เกิน 3 แห่ง ซึ่งแบงก์ชาติออกมาตรการนี้มาไม่นาน เพราะเป็นห่วงเรื่องปัญหานี้ครัวเรือน ผลก็คือลูกค้าระดับล่าง เงินเดือนไม่ถึง 3 หมื่นบาท ถูกจำกัดการเข้าถึงสินเชื่อ ถือบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดไม่เกิน 3 แห่ง และได้วงเงินสูงสุดเพียง 1.5 เท่าของเงินเดือนเท่านั้น

ผลสุดท้าย ลูกค้าระดับล่างกลุ่มนี้ก็ไม่มีทางเลือก ต้องวนเข้าหาหนี้นอกระบบ โดยยอมเสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบ เช่น เซ็นสัญญาเงินกู้ที่ไม่ได้กรอกข้อความ อัตราดอกเบี้ยสูง การทวงหนี้โหด ทวงหนี้ผิดกฎหมาย เช่น ขู่กรรโชก ประจาน หรือทำร้ายร่างกาย จนเป็นข่าวอยู่เนืองๆ

การที่จะมีระบบปล่อยสินเชื่อที่เหมาะสมกับลูกค้าระดับล่าง ก็อาจจะต้องรอฟินเทคหน้าใหม่ที่มาพร้อมแนวทางใหม่ๆในการปล่อยกู้ให้กับลูกค้าในระดับล่าง อย่างการเสนอสินเชื่อในวงเงินจำนวนน้อยๆ เอาเงินไปใช้ก่อน แล้วหลังเงินเดือนออกค่อยชำระคืน ซึ่งพบเห็นได้แล้วจากการโฆษณาผ่านเว็บไซท์ในไทย

หรืออาจจะเป็นระบบการจับคู่ผู้กู้ และผู้ให้กู้ (P2P Lending) ที่นักลงทุนในฐานะ “ผู้ให้กู้” กับลูกค้าในฐานะ “ผู้กู้” ให้มาเจอกันผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยไม่ผ่านตัวกลางอย่างธนาคารพาณิชย์ แต่หลักเกณฑ์ที่ทางการจะกำหนดออกมายังไม่ชัดเจนนัก

สมรภูมิการปล่อยกู้ผ่านระบบออนไลน์จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดละครับ

Leave a comment