หนี้เสียธนาคารรัฐพุ่ง อ้างเหตุเศรษฐกิจไม่ดี
หนี้เสียธนาคารรัฐพุ่ง อ้างเหตุเศรษฐกิจไม่ดี
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2559 โดยสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มียอดคงค้าง 2.53 แสนล้านบาท เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น 3.35 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้แล้วสัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6.4% เมื่อเปรียบเทียบกับสิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เนื่องจาก ลูกค้า ประชาชน และผู้ประกอบกา SME นั้นไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เป็นเหตุให้ตัวเลขเอ็นพีแอลปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในส่วนของสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ สำหรับช่วงสิ้นไตรมาส 3 ของปี 2559 มียอดคงค้าง 1.57 แสนล้านบาท ลดลง 1.88 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงสิ้นไตรมาส 2 โดยสัดส่วนต่อสินเชื่อรวม สำหรับช่วงสิ้นไตรมาส 3 ปี 2559 อยู่ที่ 4% ลดลงเมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 2 ปี 2559 ทั้งนี้แบงก์รัฐมีการกันสำรองอยู่ในระดับที่สูงเพียงพอต่อสำหรับการรองรับความเสี่ยงดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตามระบบแบงก์รัฐ สำหรับช่วงสิ้นไตรมาส 3 ปี 2559 นั้น ยังมีเสถียรภาพ และผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยสินเชื่อยังคงมีการขยายตัวต่อเนื่อง และมีเงินกองทุนอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการดำเนินงานในระยะต่อไป กำไรสุทธิอยู่ที่ 2.98 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.74 หมื่นล้านบาท
ในส่วนของอัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ยอยู่ที่ 2.6% ส่วนอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 12.6% ซึ่งเป็นระดับที่เพียงพอต่อการดำเนินงานในระยะต่อไป
สำหรับสินเชื่อของแบงก์รัฐสิ้นไตรมาส 3 ปี 2559 โดยรวมมีจำนวนทั้งสิ้น 4.18 ล้านล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.6% แต่สินเชื่อธุรกิจกลับปรับตัวลดลง 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
Leave a comment
You must be logged in to post a comment.