SCB จัดวงเงินสินเชื่อพิเศษ 100 ลบ. สนับสนุนธุรกิจ SMEs
SCB จัดวงเงินสินเชื่อพิเศษ 100 ลบ. สนับสนุนธุรกิจ SMEs
นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เปิดเผยว่า ด้วยธนาคารได้เล็งเห็นความสำคัญของเศรษฐกิจฐานรากที่จะนำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน จึงได้บรรจุเรื่องการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และวิสาหกิจเริ่มต้น Start-up ให้เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของแผนการดำเนินธุรกิจปี 2559
ธนาคารได้ร่วมเข้าไปเป็นหนึ่งในภาคีโครงการสานพลังประชารัฐ อันเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ด้วยมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและส่งเสริมให้ SMEs, Start-up และวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) มีความเข้มแข็งเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจและสังคมไทย
ล่าสุดนี้ธนาคารได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการ “สานพลังประชารัฐ ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และวิสาหกิจเริ่มต้น (SMEs& Start-up)” จำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย
1. MOU เพื่อสนับสนุน ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านโครงการพี่ช่วยน้อง (Big Brother)
2. MOU เพื่อการสนับสนุนและพัฒนาระบบนิเวศให้แก่ผู้ประกอบการใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (IDE Start-up)
3. MOU เพื่อยกระดับและพัฒนาผู้ประกอบกิจการเพื่อสังคม
4. MOU ให้การสนับสนุนทางการเงินเพื่อยกระดับและพัฒนาผู้ประกอบกิจการเพื่อสังคม
ทั้งนี้ธนาคารตระหนักถึงความสำคัญของกลุ่มผู้ประกอบการ SME ที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมให้ความรู้ตลอดจนความช่วยเหลือพิเศษต่างๆ ในสถานการณ์ที่ SME ประสบกับภาวะยากลำบาก
อีกทั้งขณะนี้ธนาคารได้เตรียมจัดโครงการพิเศษเบื้องต้นเพื่อสนับสนุน SMEs กลุ่มต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ของ MOU ที่เพิ่งได้ลงนามไป ไม่ว่าจะเป็น โครงการกองทุนร่วมลงทุน SCB Venture Capital วงเงินรวม 100 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนในการส่งเสริมกิจการแก่กลุ่ม Start-up และวิสาหกิจเพื่อสังคม ส่งเสริมให้สามารถขยายกิจการสู่ตลาดระดับภูมิภาคและตลาดโลก
โดยธนาคารให้สินเชื่อด้วยเงื่อนไขพิเศษ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน วงเงินสินเชื่อสูงสุดรายละ 5 ล้านบาท รวมทั้ง การร่วมสนับสนุนโครงการส่งเสริม SMEs เข้าถึงแหล่งทุนผ่านทางสมาคมธนาคารไทยอีกทางหนึ่งด้วย
“ไทยพาณิชย์ ในฐานะสถาบันการเงินชั้นนำและธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของประเทศไทย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการวางรากฐานทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศครั้งสำคัญนี้ ซึ่งมั่นใจว่าโครงการต่างๆ ที่ได้ริเริ่มขึ้นมาจะนำไปสู่การลงมือปฏิบัติ ให้สัมฤทธิ์ผลและต่อยอดไปยังฐานรากของสังคมกลุ่มต่างๆ ที่จะร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประเทศชาติพัฒนาก้าวหน้าและสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนตามเจตนารมณ์” นายญนน์กล่าว
Leave a comment
You must be logged in to post a comment.