คลิ้กเลย!! เทพแห่งเงินด่วน โทร 0928840418 <- จิ้มที่ตัวเลขแล้วกดโทรเลย

News Ticker

ค้ำประกันก็เสี่ยงเป็นหนี้เช่นกัน

ค้ำประกันก็เสี่ยงเป็นหนี้เช่นกัน

หนี้สินในอีกแง่มุมหนึ่งที่คุณอาจจะมองข้ามไป บางคนทำไปเพราะความใจอ่อน หรือบุญคุณแต่ครั้งก่อน แต่อย่าลืมว่าค้ำประกันคนอื่นก็เหมือนกับว่าคุณนั่นแหละกู้ยืมเงินนั้นมาเอง

หนี้ประเภทนี้อาจจะเกิดขึ้นได้แล้วคุณก็จะรู้ดั่งสุภาษิตที่ว่า เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนอน กลับเอากระดูกมาแขวนคอ ตอนที่คุณไปเซ็นค้ำประกันนั้น ความมั่นใจของคุณมีเต็มเปี่ยมว่าคนที่คุณค้ำคงไม่ทำให้คุณเดือดร้อน อยากให้คุณคิดซ้ำอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะเซ็นให้ใคร เพราะตัวคุณเองอาจจะหมดเนื้อหมดตัว ต้องออกจากงาน ต้องวิ่งหนีหนี้ก็เพราะลายเซ็นนิดเดียวตรงนั้น

การเซ็นค้ำประกันสมัยนี้ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับการเข้ารับราชการหรือทำงานเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ (ค้ำประกัน character) ก็จะเป็นการค้ำประกันหนี้ เช่นซื้อรถหรือทรัพย์สินอื่นๆ การค้ำประกันให้ญาติๆ นั้นก็ย่อมมีความเสี่ยงระดับหนึ่ง แต่การค้ำประกันให้เพื่อนฝูงหรือคนที่รู้จักนั้นนับเป็นการเสี่ยงอย่างยิ่ง คุณควรจะมั่นใจในตัวคนที่คุณไปค้ำเป็นอย่างดี และควรมีแผนสำรองไว้กรณีที่คนที่คุณค้ำมีปัญหา เช่นคุณควรทราบยอดเงินที่คุณไปค้ำและหากเกิดปัญหาคุณจะชำระหนี้อย่างไรที่คุณไม่เดือดร้อนมาก

อย่าเข้าใจผิดว่าธนาคารหรือเจ้าหนี้จะพยายามทุกวิถีทางกับลูกหนี้ก่อนแล้วจะวิ่งมาหาคนค้ำ อย่าลืมว่าในฐานะเจ้าหนี้เขาไม่จำเป็นต้องตามล่าลูกหนี้จนสุดขอบฟ้าเพื่อทวงหนี้เพราะจะไม่คุ้มค่าใช้จ่าย เจ้าหนี้ก็จะหันมามองคนค้ำประกันทันทีเพราะเป็นแหล่งเดียวที่รับประกันได้ว่าจะได้เงินคืน คนค้ำประกันมักจะมีความมั่นคงทางการเงินที่ดีเขาจึงรับให้คุณไปเป็นผู้ค้ำ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมีคนค้ำประกันให้เสียเวลา หากคุณลองนำสัญญาค้ำประกันมาอ่านดูให้ดีจะพบว่ามีข้อความที่บอกในทำนองที่ว่า เจ้าหนี้สามารถทวงหนี้จากคุณได้ทันทีและคุณต้องจ่ายทันทีโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เช่นคุณโต้แย้งว่าลูกหนี้ก็ยังอยู่นี่นาแล้วทำไม่ไม่ทวงเขาก่อนหละ อะไรทำนองนี้ เจ้าหนี้จะเป็นคนตัดสินใจว่าจะทวงใครก่อนก็เป็นสิทธิของเขาที่ระบุไว้ในสัญญาแล้ว

บทความนี้ไม่ได้จุดประสงค์ให้คุณเลิกคิดที่จะค้ำประกันคนอื่น เพียงแต่ต้องการเตือนให้คุณทราบว่าคุณอาจจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง หากหนี้ที่คุณค้ำมีมูลค่าสูง ทางเจ้าหนี้มีสิทธิ์ยื่นฟ้องศาลเพื่อบังคับยึดทรัพย์ของคุณได้ คุณอาจจะกลายเป็นบุคคลล้มละลายได้ในพริบตาเพราะลายเซ็นอันนั้น หรือคุณอาจจะต้องใช้หนี้ที่คุณไม่เคยก่อไปตลอดชีวิตก็ได้

วิธีป้องกันก็คือหากคุณจำเป็นต้องเซ็นค้ำประกันใครสักคนหากคุณมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเขาจะไม่ทำให้คุณต้องลำบากก็แล้วไป แต่ถ้าหากคุณยังไม่มั่นใจถ้าปฏิเสธคุณควรจะทำความตกลงกับคนที่คุณค้ำ (ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้จักเขามาก่อนมีผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือมาฝาก) ว่าขอตรวจสอบสถานะทางการเงินเช่นทำงานอะไร ทำมานานเท่าไหร่ อาจจะขอคุยกับหัวหน้าเขาว่ามีความรับผิดชอบอย่างไรเป็นต้น อีกข้อตกลงที่คุณควรทำก็คือนัดให้คนที่คุณค้ำประกันมาพบทุก 3 เดือน 6 เดือนพร้อมทั้งนำใบเสร็จรับเงินมาแสดงว่าเขาได้ชำระค่างวดตรงทุกนัด หากเขาไม่มาคุณก็ต้องมีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวคุณเอง โดยเฉพาะการค้ำประกันให้บุคคลที่คุณมองว่าอาจจะมีปัญหาเชื่อใจไม่ได้คุณก็ต้องเข้มงวดให้มาก อย่ามองว่าเรื่องของเขา คุณก็แค่คนค้ำ ให้คุณมองว่านั่นคือหนี้ของคุณทั้งก้อนที่คุณแบกรับเอาไว้ หากทำตามข้อตกลงนี้ไม่ได้ก็ไม่ต้องค้ำประกันให้

วิธีการนี้จะทำให้คุณทราบสถานการณ์และเตรียมตัวรับมือ หากลูกหนี้ทำท่าจะไปไม่รอดคุณก็ต้องติดต่อเจ้าหนี้มาเจรจา หรือคุณอาจจะถือสิทธิ์ยึดทรัพย์สินไว้เคลียร์กับเจ้าหนี้โดยการร่างสัญญาต่างหากระหว่างผู้ค้ำกับลูกหนี้เป็นต้น (อาจจะทำในทางปฏิบัติยาก แต่ก็น่าจะลองดู) หรือเจรจาขอเปลี่ยนตัวผู้ค้ำประกันเป็นต้น

ถ้าหากขณะนี้คุณมีปัญหาถูกเจ้าหนี้ตามทวงในถานะผู้ค้ำ ท่านไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ไม่รายไหนก็รายนั้นที่ต้องยอมรับหนี้อันนี้แต่อย่างน้อยคุณควรจะต่อรองกับเจ้าหนี้ให้ลดมูลหนี้ลง เพราะกว่าจะถึงวันที่เจ้าหนี้ตามทวงคุณก็แปลว่าลูกหนี้ได้ผิดนัดชำระมาแล้วหลายครั้ง มีการทวงถามทางจดหมาย (หรืออาจจะวิธีอื่น แต่มีน้อย) มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งแปลว่าทางเจ้าหนี้ก็จะมีการคิดค่าปรับ เบี้ยปรับ ค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ยอัตราที่สูงขึ้น การต่อรองทำให้หนี้ต่างๆลดลงได้ เจ้าหนี้เองโดยมากจะยินดีที่จะต่อรองกับคุณหากเขามีความหวังว่าจะได้เงินคืนแม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม การปล่อยให้ปัญหาหนี้บานปลายจนเจ้าหนี้ต้องจ้างบริษัทรับทวงหนี้มาจัดการกับคุณ นั่นแสดงว่าโอกาสการต่อรองของคุณจะน้อยลง เพราะจะมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทวงหนี้ที่หักลบจากยอดหนี้ของคุณ ซึ่งก็จะเท่าๆกับส่วนลดที่ทางเจ้าหนี้จะให้คุณได้ และอีกทั้งวิธีการทวงหนี้ของบริษัทนายหน้าเหล่านี้ที่อาจจะไม่ใช้วิธีที่ถูกกฏหมาย มาคุกคามชีวิตและทรัพย์สินของคุณ

สรุปว่าการค้ำประกันก็คือหนี้ชนิดหนึ่งที่คุณก่อขึ้นด้วยลายเซ็นต์ของคุณ และเป็นประสบการณ์ไม่ดีที่หลายคนพบเจอมาแล้ว ขอให้คุณมีความรอบคอบเท่านั้น

ดีหน่อยที่กฏหมายใหม่ที่ออกมาในปี 2558 กำหนดว่า ให้โจทย์ยื่นฟ้องร้องบังคับชำระหนี้กับลูกหนี้ที่แท้จริงก่อนแล้วถึงจะมาฟ้องร้องเอากับผู้ค้ำประกันได้ เพราะที่ผ่านมาเจ้าหนี้มักจะไปไล่ฟ้องเอากับผู้คำประกันโดยละเลยลูกหนี้ตัวจริงไป ทำให้ผู้ค้ำประกันเดือดร้อน

Leave a comment