คลิ้กเลย!! เทพแห่งเงินด่วน โทร 0928840418 <- จิ้มที่ตัวเลขแล้วกดโทรเลย

News Ticker

ใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตดี

ใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตดี

ลายคนมองว่าไม่อยากใช้บัตรเครดิตเพราะกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เดี๋ยวนี้มีบัตรเดบิท ที่ท่านสามารถจับจ่ายจากเงินในบัญชีโดยตรง พร้อมทั้งบังคับตัวเองว่าถ้าไม่มีเงินก็ซื้อของไม่ได้

สถาบันการเงินต่างก็หันมาโหมออกบัตรเดบิทหรือบัตรที่หักเงินจากบัญชีทันที เพราะเล็งเห็นว่าจำนวนผู้ใช้ยังน้อยและน่าจะเหมาะกับสังคมบ้านเรา เพราะการจะอนุมัติบัตรเครดิตให้ใครนั้นต้องตรวจสอบกันละเอียดยิบ กลัวจะเป็นหนี้เสีย แต่บัตรเดบิทนี่ใครๆก็สมัครได้ขอให้มีเงินในบัญชีก็พอ ธนาคารเองก็ไม่มีความเสี่ยงมีแต่ได้กับได้ ไหนจะค่าธรรมเนียมรายปี ไหนจะค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากร้านค้า แล้วผู้บริโภคจะได้อะไรบ้าง และมีความปลอดภัยมากแค่ไหน

อย่างแรกเลยคุณก็คงทราบดีว่าบัตรเครดิต ทำงานอย่างไร คุณซื้อสินค้าวันนี้โดยการรูดบัตรรออีก 30 วันก็จะมีใบเรียกเก็บเงินที่ให้เวลาคุณอีก 10-15 วันเพื่อไปจ่ายเงิน คุณจะจ่ายเต็มจำนวนก็ได้ หรือจะผ่อนจ่ายก็ได้แต่คิดดอกเบี้ย ถ้าเป็น AMEX คุณจะต้องจ่ายเต็มจำนวนเท่านั้น ส่วนเดบิตการ์ด บางอันก็มีชื่อหรือตราแบบเดียวหรือคล้ายๆ กับบัตรเครดิต เพียงแต่ว่าเวลาคุณรูดการ์ดซื้อของ มันก็จะดูดเงินของคุณออกจากบัญชีทันที ฟังแล้วดูดีว่าคุณไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีตังค์จ่าย เพราะถ้าไม่มีก็ซื่อไม่ได้ แถมไม่ต้องพกเงินสดเวลาซื้อของด้วย ไม่ต้องกลัวถูกปล้นกลางทาง

บัตรเดบิตก็ดูเหมือนๆบัตร ATM เพียงแต่ว่าเวลาคุณซื้อของคุณไม่ต้องกดรหัสให้ยุ่งยาก การใช้ก็เหมือนรูดเครดิตการ์ดแล้วก็เซ็นนั่นแหละ หลายๆคนเลยมองว่าสบายใจกว่าการใช้บัตรเครดิตเยอะ เพราะไม่ต้องพะวงอยู่กับว่าจะไม่มีเงินจ่ายเวลาได้รับใบแจ้งหนี้ในเวลาต่อมา แต่หลายๆคนอาจจะแย้งว่า การใช้บัตรเครดิตทำให้คุณยืดระยะเวลาที่จะต้องจ่ายเงินของตัวเองให้นานขึ้น หรือไม่ต้องรอเงินเดือนออกก็ซื้อของได้ล่วงหน้าเป็นต้น แต่อย่าลืมว่าความรู้สึกที่เราได้ จากการจับจ่ายนั้นต่างกัน เวลารูดบัตรเครดิต หลังจากรับสินค้ามาแล้วก็ต้องคิดว่ามีตัวค์จะไปจ่ายให้เขาหรือเปล่า หรือเป็นแบบที่ว่าซื้อไปก่อนแล้วค่อยแก้ปัญหาทีหลัง ความคิดนี้ก็จะติดไปตลอดโดยไม่รู้ตัวจนกว่าจะชำระหมดโน่นแหละ ในขณะที่การซื้อของด้วยบัตรเดบิตจะให้ผลทางจิตวิทยาที่ดีกว่า คุณซื้อได้สินค้ามาแล้วก็ไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องเงินอีกเพราะมีเงินจ่ายไปแล้วแน่นอน (ยกเว้นว่าจะเป็นเงินที่ไว้ซื้ออย่างอื่น)

แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือข้อด้อยของบัตรเดบิตที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่นคุณซื้อสินค้าผ่านทาง internet หรือทางโทรศัพท์ (หรือกรณีไหนก็ตามที่คุณยังไม่แน่ใจกับตัวสินค้าตอนซื้อ) พอได้ใช้สินค้าไปสักระยะหรือสินค้ามาถึงหรืออาจจะไม่มาเลย เงินของคุณก็จะถูกดูดออกไปจากบัญชีเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถจะปฏิเสธการจ่ายเงินได้เหมือนบัตรเครดิต เช่นสั่งของไปแล้ว 20 วันก็ยังไม่ได้รับ แต่เงินถูกหักไปแล้วคุณก็ต้องติดตามกับเจ้าของสินค้าเอาเอง ไม่เหมือนบัตรเครดิตบางชนิด ที่คุณสามารถโทรไปยังเจ้าของบัตรแล้วร้องเรียนเรื่องดังกล่าวได้ทันที การคุ้มครองผู้บริโภคของบัตรเช่น AMEX เป็นต้นหากคุณโทรแจ้งไปว่าคุณไม่ได้ซื้อสินค้าดังกล่าว ทางเจ้าของบัตรก็จะดำเนินการสืบสวนให้คุณทันที เพราะนั่นคือสิ่งที่จะจูงใจให้ลูกค้าใช้บริการบัตรของเขา

หากบัตรเดบิตของคุณถูกขโมย ผลกระทบก็จะเกิดกับคุณทันทีเพราะบางครั้งกว่าจะรู้ตัว เงินก็ถูกใช้ไปจนหมดบัญชีแล้วก็ได้ และเงินที่ว่าก็คือเงินจากกระเป๋าคุณ แต่หากคุณใช้บัตรเครดิตเงินที่ถูกใช้ไปคือเงินที่ธนาคารสัญญาว่าจะจ่ายให้กับเจ้าของสินค้าซึ่ง ไม่ใช่เงินของคุณ เดือนนั้นคุณก็จะไม่จนกรอบเหมือนกรณีที่คุณทำเงินสดหายแต่อาจจะต้องคุยกับธนาคารนานหน่อยแค่นั้นเอง

ไม่ใช่ว่าบัตรเดบิทจะน่ากลัวซะทีเดียว บัตรนี้จะช่วยให้การบริหารการเงินของคุณดีขึ้น ไม่ต้องรู้สึกเป็นหนี้เวลาจับจ่ายใช้สอย เพียงแต่ว่าคุณต้องระวังมากขึ้นแค่นั้นเอง ลายเซ็นหลังบัตรนั้นปลอมกันได้ง่ายๆ และพนักงานเก็บเงินบ้านเราก็ไม่ค่อยจะเข้มงวดเท่าไหร่ บางครั้งเซ็นเสร็จก็ส่งบัตรให้เราเลย บางครั้งผู้เขียนยังต้องแนะนำว่าให้เค้าเทียบลายเซ็นดูด้วยว่าตรงกันหรือไม่ จะได้ป้องกันบัตรที่ถูกขโมยมา (โดยเฉพาะเครื่องรูดแบบไม่ on-line)

Leave a comment